ดูสินค้าในตะกร้า    แจ้งการชำระเงินออนไลน์   
  
สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 7
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 289
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 1,135,939
23 พฤศจิกายน 2567
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
     
10  11  12  13  14  15  16 
17  18  19  20  21  22  23 
24  25  26  27  28  29  30 
             
  คลังความรู้
ถาม-ตอบ ระบบป้องกันอัคคีภัย (Fire Alarm)
[18 เมษายน 2561 16:17 น.]จำนวนผู้เข้าชม 72165 คน
 
1. ระบบป้องกันอัคคีภัย (Fire Alarm) จะประกอบไปด้วยอุปกรณ์ใดบ้าง       
 ตอบ
 
         1.1  ตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัย (Fire Alarm Control Panel) กับชุดแหล่งจ่ายไฟ
(Power Supply) และแบตเตอรี่
(Battery Back-up)
         1.2  อุปกรณ์กำเนิดสัญญาณเหตุเพลิงไหม้ (Signal Initiating Devices) เช่น Smoke Detector, Heat Detector , Manual Station ,Beam Detector ,Flame                            Detector ,GAS Detector and Keyswitch
          1.3  อุปกรณ์ส่งสัญญาณเตือนเหตุเพลิงไหม้ (Audible Alarm Devices) เช่น Bell ,Horn ,Strobe ,Horn & Strobe and Speaker
          1.4  อุปกรณ์ประกอบอื่นๆ (Other Devices) เช่น
                    - ตู้แสดงผลและควบคุมระบบระยะไกล (Remote Annunciator)
                   -ตู้แผงผังแสดงตำแหน่งเกิดเหตุเพลังไหม้(Graphic Annunciator)
                    -ระบบเสียงประกาศเตือนการอพยพ EVAC (Evacuation System)
                    -ระบบโทรศัพท์ติดต่อแจ้งเหตุเพลิงไหม้ ( Firefighter’s Master Telephone)


 2. ตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัย (Fire Alarm Control Panel) มีกี่ประเภท
    
ตอบ   
         
2.1  ตู้ควบคุมแบบ Herd-Wire (Conventional)
         2.2  ตู้ควบคุมระบบ Multiplex (Addressable)


3. ตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัย (FCP) แบบ Hard-Wire กับแบบ Multiplex  ต่างกันอย่างไร 
         ตอบ
         
 3.1  ต่างกันที่ราคา แบบ Hard-Wire จะมีราคาที่ถูกกว่าแบบ Multiplex  มาก
          3.2  จะต่างกันที่ฟังก์ชั่นของระบบการทำงาน และระบบการควบคุม  ฯลฯ
          3.3 จะต่างกันตรงการเชื่อมต่อโซน กับการเพิ่งขยายโซนต่างๆ ในระบบ
          3.4  ตู้ควบคุมระบบ แบบ Hard-Wire จะต่อโซนอุปกรณ์ตรวจจับ กับต่อโซนอุปกรณ์แจ้งสัญญาณแจ้งสัญญาณเตือน บนบอร์ดแผงควบคุมภายในตู้ควบคุม                    เลย ส่วนจำนานโซนขึ้นอยู่กับตู้ควบคุมแต่ละรุ่น ซึ่งตู้ควยคุมระบบ แบบ Hard-Wire นี้จะมีทั้งแบบ 2 โซนอุปกรณ์ตรวจจับ หรือแบบ 4โซนอุปกรณ์ตรวจจับ                      แบบ 5 โซนอุปกรณ์ตรวจจับหรือแบบ 6 โซนอุปกรณ์ตรวจจับ และแบบ 10 โซนอุปกรณ์ตรวจจับ (Conventional) เฉพาะแบรนด์อเมริกา หรือแคนนาดา ที่ได้รับ                      มาตรฐาน UL , FM , ,ULC
          3.5  ตู้ควบคุมระบบแบบ Multiplex  ต้องใช้อุปกรณ์โมดูล (Addressable Module) ในการต่อโซนกับขยายโซนอุปกรณ์ตรวจจับ และโซนอุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน                   ฯลฯ
          3.6  การเดินสายนำสัญญาณของระบบอุปกรณ์จะต่างกัน แบบ Hard-Wire จะเดินสายทุกโซนของอุปกรณ์ตรวจจับ กับอุปกรณ์แจ้งเตือน มารวมไว้ที่ตู้                            ควบคุมระบบ แค่ในแบบ Multiplex  จะเดินสายรับ-ส่งข้อมูลจากตู้ควบคุมระบบ เพียง 2 สายไปหาที่โมดูลระบุตำแหน่ง (Modules) แต่ละจุดที่กำหนดไว้ และ                      เดินสายโซนของอุปกรณ์ตรวจจับ กับโซนอุปกรณ์แจ้งเตือน จากที่โมดูลระบุตำแหน่ง ๖Modules) แต่ละชนิด แต่ละจุด ที่มีกำหนดไว้ในการออกแบบวางระบบ
          3.7  การแสดงตำแหน่งตรวจจับจะต่างกันแบบ Hard-Wire จะแสดงเป็นกลุ่ม (Group zone) และแบบ Multiplex จะแสดงเป็นจุด (Point) หรือ ระบุตำแหน่ง                    (Addressable)
           3.8  ตู้ครบคุมระบบ แบบ hard-Wire (Conventional) มาตรฐาน UL , FM , ULC จะเหมาะสำหรับสถานที่ขนาดเล็ก ที่มีการออแบบแบ่งโซน (พื้นที่ตรวจจับ) ไว้ไม่                   เกิน 10 โซนอุปกรณ์ตรวจจับ แบบธรรมดา (Conventional)
           3.9  ตู้ควบคุมระบบ แบบ Multiplex (Addressable) จะเหมาะสำหรับสถานที่ขนาดใหญ่ ที่มีการออกแบบแบ่งโซน (พื้นที่ตรวจจับ) ไว้ตั้งแต่ 11 โซนจนถึง 1000 กว่า                    โซนอุปกรณ์ตรวจจับแบบธรรมชาติ (Conventional) และตู้ควบคุมระบบ แบบนี้ยังสามารถให้ระบบไปทำงานร่วมกับอุปกรณ์ภายนอกอื่นๆ ได้ด้วย เช่น ไปควบคุ                       มลิฟท์ (Lift) หรือควบคุมแอร์ (AHU) หรือควบคุมพัดลม (Fan Control) ต่างๆ หรือ ควบคุมระบบฉีดน้ำดับเพลิงอัตโนมัติ (Automatic Water Sprinkler System)                   หรือระบบควบคุมการเข้า-ออกประตู (Access Control System) และระบบอื่นๆ


 4.  ตู้ควบคุมรับป้องกันอัคคีภัย (FCP) แบบ Hard-Wire กับ Multiplex  มีข้อดี – ข้อเสียต่างกันอย่างไร
         
ตอบ
        4.1  ตู้ควบคุมแบบ Hard-Wire จะมีราคาถูกกว่า แบบ Multiplex จากจำนวนโซนที่เท่าๆกัน
        4.2   ตู้ควบคุมแบบ Hard-Wire จะเสียค่าติดตั้งถูกกว่าแบบ Multiplex ในจำนวนโซนที่เท่าๆกัน
        4.3  ตู้ควบคุมแบบ Hard-Wire จะดูแลรักษาง่ายกว่าแบบ Multiplex ในจำนวนโซนที่เท่าๆกัน
        4.4  ตู้ควบคุมแบบ Multiplex จะเพิ่มโซน หรือปรับปรุงระบบได้ง่าย และดีกว่า แบบ Hard-Wire
        4.5  ตู้ควบคุมแบบ Multiplex จะรองรับการติดตั้งในสถานที่ขนาดใหญ่ได้ดีกว่า แบบ Hard-Wire
        4.6  ตู้ควบคุมแบบ Multiplex จะมีฟังก์ชั่นการทำงาน และการควบคุมระบบดีกว่า แบบ Hard-Wire
        4.7  ตู้ควบคุมแบบ Multiplex จะต่อทำงานร่วมกับอุกปกรณ์ภายนอกได้มากกว่า แบบ Hard-Wire
        4.8  ตู้ควบคุมแบบ Multiplex จะรองรับระบบเครือข่ายได้ แต่แบบ Hard-Wire ทำไม่ได้


5.   ระบบป้องกันอัคคีภัย ในการเดินสายนำสัญญาณระบบ Class  A กับ B แตกต่างกันอย่างไร
         
ตอบ     
        5.1  การเดินสายระบบแบบ Class A จะใช้ 4 สาย หรือเดินไป แล้ววนกลับ

        5.2   การเดินสายระบบแบบ Class A จะใช้ท่อร้อยสาย ในการติดตั้งมากกว่า แบบClass B
        5.3   การเดินสายสัญญาณระบบแบบ Class A จะมีค่าติดตั้งระบบแพงกว่าแบบ Class B
        5.4   การเดินสายระบบแบบ Class  A ถ้ามีสายบางส่วนขาดระบบก็ยังคงทำงานได้ หรือุปกรณ์ตัวใดเสีย ระบบหรืออุปกรณ์ตรวจจับตัวอื่นๆ ที่ไม่เสียก็ยังคง                     ตรวจจับเหตุเพลิงไหม้ตามปกติ
        5.5  การเดินสายระบบแบบ Class B จะใช้ 2 สาย(ส่วนใหญ่จะนิยมเดินแบบ Class B)
        5.6   การเดินสายระบบแบบ Class B หากมีสายบางส่วนขาดระบบจะทำงานได้เฉพาะช่วงที่ยังเชื่อมต่อกับตู้ควบคุมระบบเท่านั้น หรืออุปกรณ์ตรวจจับตัวใด                  เสียอุปกรณ์ตัวอื่นๆที่ต่อจากอุปกรณ์ตัวที่เสียก็จะไม่ตรวจจับเหตุเพลิงไหม้ได้ ส่วนอุปกรณ์ที่อยู่ก่อนตัวที่เสียยังคงตรวจจับเหตุเพลิงไหม้ได้ตามปกติ


6.   ระบบป้องกันอัคคีภัย (Fire Alarm) แบบ Multiplex ใช้หลักการทำงานและรับ-ส่ง สัญญาณแบบใด
             ตอบ
            จะใช้การสื่อสารสัญญาณแบบลูป (Loop) โดยใช้สายนำสัญญาณอยู่ 2 เส้น
(Two Wire) วางระบบแบบ
Class A เพื่อจะให้ตู้ควบคุมระบบ (FCP) ส่งสัญญาณ                  โปรโตคอล(Protocol) ที่มีการเชื่อมโยง เครือข่ายที่มีฮาร์ดแวร์ต่างๆกันจำเป็นต้องกำหนอดข้อตกลงร่วมกันเป็นลักษณะของตัวเอวออกไปพร้อมระบุตำแหน่ง เช่น                     Module ชนิดต่างๆ หรือ Addressable Smoke Detector หรือ Addressable Heat หรือ Addressable Manual Call Point หรือAddressable Horn ก็จะแจ้งสถานะตัว             เองกลับไปที่ตู้ควบคุมระบบ (FCP) สายที่ใช้เชื่อมระบบนี้จะมีสัญญาณอยู่ตลอดเวลา จึงต้องใช้สายทนไฟ Fire Resistant Cable (FRC) มีขนาดไม่เล็กกว่า 1.5 หรือ               2.5 mm2 หรือTwisted Pair Shield ขนาด 18 AWG ถึง 12 AWG (ขึ้นอยู่กับระยะทางการเดินระบบว่าใกล้หรือไกล) เพื่อป้องกันสัญญาณรบกวนจากภายนอก และ                 ระยะในการติดต่อสื่อสารกับตู้ควบคุมระบบสายชุดต่อมาจะเป็นสายไฟเลี้ยงอุปกรณ์ประเภทที่ต้องอาศัย การรีเซ็ต จากการหยุดจ่ายไฟชั่วขณะ  (Power Resetable)                 เช่น Smoke หรือ Beam Smoke เป็นสายทนไฟ FRC หรือ THW ก็ได้ ขนาดของสายก็แล้วแต่ระยะทางที่เดินสายในระบบ หรือ แล้วแต่สเปกที่ผู้ออกแบบระบบกำหนด             ไว้ สายชุดถัดมาเป็น สายไฟเลี้ยงอุปกรณ์สัญญาณแจ้งเหตุ เช่น กระดิ่ง (Bell)  หรือ  (Horn) หรือแสงไฟกระพริบ (Strobe) ต่างๆ (Power Non-Resetable) ใช้สาย               ทนไฟ FRC หรือ THW ก็ได้ ส่วนขนาดของสายก็แล้วแต่ระยะทางที่เดินสายในระบบ หรือแล้วแต่สเปกที่ผู้ออกแบบระบบได้กำหนดไว้ สายชุดสุดท้ายเป็นสายนำ                     สัญญาณ RS-485 หรือ RS-232 สำหรับเชื่อมต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องปริ้นเตอร์ 

7 .  หลักการทำงานของ Module แต่ละชนิดในระบบป้องกันอัคคีภัยแบบ Multiplex มีกี่ชนิด
          
ตอบ  หลักๆมีอยู่ 7 ชนิดคือ
           7.1   Monitor Module จะเป็นโมดูลระบบตำแหน่ง แบบอินพุท ที่ต้องมีไฟเลี้ยง (Power Resetable) ให้อุปกรณ์ประเภทที่ต้องอาศัยการรีเซ็คจากการหยุดจ่ายไฟ                   ชั่วขณะ ซึ่งเป็นชนิด Detector  Zone ใช้รับสัญญาณการแจ้งเตือนจากอุปกรณ์ตรวจจับต่างๆแบบ Conveices เช่นอุปกรณ์ Smoke Detector หรือ Heat  Detector                 หรือ Projected Beam Smoke Detector หรือ UV Flame Detector  และ Manual Station แล้วส่งสัญญาณไปแจ้งตำแหน่งตรวจจับที่ FCP ต่อระบบสายอุปกรณ์                    ได้ทั้งแบบ Class A และ Class B .
        7.2   Single  Module จะเป็นโมดูลระบุตำแหน่ง แบบอินพุท ที่ไม่ต้อง ใช้ไฟเลี้ยงจึงไม่ต่อสายไฟเลี้ยงที่โมดูล ใช้กับตัวอุปกรณ์ที่ไม่ต้องใช้ไฟเลี้ยงต่างๆ เช่น Manual                   Station หรือ Mechanical Heat Detector หรือ Keyswitch หรือพวกอุปกรณ์ Monitoring อื่นๆ Flow Switch และ Supervisory Switch แบบธรรมดา (                                Conventional) Hard-Wire ต่อได้ทั้ง Class A และ  Class B
        7.3   Control Module  จะเป็นโมดูลระบุตำแหน่ง แบบเอาท์พุท ที่ต้องล่อไฟเลี้ยง (Power Non - Resetable) เพื่อจ่ายกระแสไฟให้อุปกรณ์แจ้งเตือนสัญญาณ
                ซึ่งเป็นชนิด
Supervised Zone จะใช้รับสัญญาณการแจ้งเตือนจาก FCP แล้วส่งต่อสัญญาณไปสั่งการให้อุปกรณ์ Alarm Devices  ต่างๆแจ้งสัญญาณเตือนตามที่                    กำหนดไว้ เมื่อมีเหตุเพลิงไหม้ เช่น กระดิ่ง (Bell) หรือ ฮอร์น (Horn) หรือแสงไฟแฟลชกระพริบ (Strobe) ต่างๆ แบบธรรมชาติ (Conventional) ต่อระบบสาย                      อุปกรณ์ได้ทั้งแบบ Class A หรือ Class B
        7.4   Relay Module  จะเป็นโมดูลระบุตำแหน่ง แบบเอาท์พุท (Dry Contact NO / NC ) ที่ต้องมีไฟเลี้ยง (Power Non-Resetable)  ไปสั่งงานควบคุมอุปกรณ์เชื่อมต่อ                   ภายนอก โดยส่งสัญญาณไปให้แผงวาบคุมของอุปกรณ์ต่างๆ ดังนี้
  •  แผงควบคุมลิฟต์ (Lift) ทุดชุด เพื่อให้ระบบควบคุม สั่งให้ลิฟต์ทุกชุดเข้าสู้สภาวะการทำงานฉุกเฉินเนื่องจากเกิดเหตุเพลิงไหม้
  • แผงควบคุมของ Air Handling Unit ทุกชุด เพื่อให้ AHU กับอุปกรณ์ปรกอบหยุดทำงานเป็นโซนๆ หรือ หยุดทำงานทั้งหมด
  • แผงควบคุมของ พัดลมอัดอากาศ (Pressurized  Fan) และพัดลมระบายควัน (Smoke Exhaust Fan ) และอุปกรณ์ลิ้นกันควัน (Smoke  Damper) และอุปกรณ์ประกอบทุกชุด เพื่อให้พัดลมทำงานตามฟังก์ชั่น
  • แผงควบคุมของระบบ Access Control เพื่อให้ระบบควบคุม สั่งให้ประตูที่ควบคุมในระบบคลายล็อค เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้​

         7.5  Input Interface Module  จะเป็นโมดูลระบบตำแหน่งแบบรับสัญญาณอินพุท ที่เชื่อมต่อรับการสั่งงานหรือการเช็คสถานะต่างๆของอุปกณ์ภายนอก เช่น                Fire Pump , FM 200 , UPS , Emergency  Light 

      7.6  Output Interface Module จะเป็นโมดูลระบบตำแหน่ง แบบเอาท์พุท สำหรับใช้ต่อกับอุปกรณ์ภายนอกในการแสดงสถานะหรืองานรวมกันในระบบ

      7.7  Isolator Module จะเป็นโมดูลระบุตำแหน่ง แบบป้องกันการลัดวงจร เพื่อใช้ป้องกันการลัดวงจรภายในลูปที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ทั้งหมดให้ทำงานร่วมกัน ใช้            สำหรับป้องกันการลัดวงจรของอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อใยลูปเดียวกัน จากอุปกรณ์ตรงบริเวณที่เกิดการลัดวงจร โดยระบบและอุปกรณ์อื่นๆ ในลูปเดียวกัน ก็ยัง              คงทำงานได้ตามปกติ (Short Circuit Isolator)


8.  อุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detector) มีกี่ชนิด อะไรบ้าง
      ตอบ  จะมีอยู่ด้วยกัน 3 ชนิด คือ
          8.1   อุปกรณ์ตรวจจับควัน ชนิดตรวจจับด้วยลำแสง (Photoelectric Smoke Detector )
         8.2  อุปกรณ์ตรวจจับควันกับความร้อน  (Photoelectric Smoke / Heat Detector) ที่ได้รวมข้อดีในการตรวจจับ 2 แบบ ไว้ภายในตัวเดียวกัน คือ ชนิดตรวจจับ                     ด้วยลำแสง (Photoelectric) กับชนิดตรวจจับความร้อนในอุณหภูมิคงที่ (Fixed Tempereture )
           8.3  อุปกรณ์ตรวจจับควัน ชนิดไอโอไนซ์เซชั่น (Ionization Smoke Detector) ที่ต้องใช้สารกัมมันตภาพรังสี (Americium 241) เป็นตัวกำเนิดพลังงาน (Energy                     source) ในการทำ Ionizetion  ตอนตรวจจับควันทำให้ต้องทำการขออนุญาตนำเข้าตามกฎระเบียบของทางราชการก่อน ซึ่งทำให้เพิ่มต้นทุนในการขายจึงมีราคาสูง                 แต่จะมีคุณสมบัติในการตรวจจับควันได้ไวกว่า แบบ Photoelectric Smoke แต่อุปกรณ์ตรวจจับแบบ Photoelectric Smoke & Heat จะมีความไวในการตรวจจับที่                   เทียบเท่ากับ แบบ Ionization และมีต้นทุนในการขายต่ำกว่า และไม่มีสารกัมมันตรังสี ที่อาจทำอันตรายกับผู้ใช้ได้

9.  อุปกรณ์ ตรวจจับควัน (Smoke Detector) มีกี่แบบ อะไรบ้าง         
        ตอบ    
  มี 2 แบบดังนี้
        9.1 อุปกรณ์ตรวจจับควัน  (Smoke Detector) แบบธรรมดา (Conventional)
        9.2  อุปกรณ์ตรวจจับควัน  (Smoke Detector) แบบระบุตำแหน่ง (Addressable)


 10.  อุปกรณ์ ตรวจจับควันกับความร้อนในตัวเดียวกัน ดีกว่าอุปกรณ์ตรวจจับควันชนิดเดียวอย่างไร
        ตอบ 
           อุปกรณ์ตรวจจับควัน และความร้อน (Photoelectric Smoke & Heat Detector) ที่รวมอยู่ภายในตัวเดียวกัน มีความไวในการตรวจจับเร็วกว่า ตัวอุปกรณ์                  ตรวจจับควัน
(Photoelectric Smoke Detector) ซึ่งอุปกรณ์ตรวจจับควัน กับตรวจจับความร้อน
(Photoelectric Smoke & Heat Detector) ได้ผลิตขึ้นมาเพื่อใช้                   ทดแทน อุปกรณ์ตรวจจับควัน แบบ ไอโอไนซ์เซชั่น (Ionization Smoke Detector) ที่มีคุณสมบัติในการตรวจจับควัน ได้ไวกว่า ตัวอุปกรณ์ แบบ Photoelectric                    Smoke แต่อุปกรณ์แบบ Ionization ทำให้ต้องทำการขออนุญาตนำเข้าตามกฎระเบียบของทางราชการก่อน ซึ่งทำให้เพิ่มต้นทุนการขายจึงมีราคาสูง  ต่างจากอุปกรณ์              แบบ Photoelectric Smoke กับ Photoelectric Smoke & Heat ที่มีต้นทุนในการขายต่ำกว่า และไม่มีสารกัมมันตภาพรังสี ที่อาจทำอันตรายกับผู้ใช้ได้
11.  อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) มีกี่ชนิด อะไรบ้าง
       ตอบ  มี 2 แบบ คือ
              11.1    อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน  (Heat Detector ) ชนิดอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic)
              11.2    อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน  (Heat Detector ) ชนิดเม็กคานิคส์คอล  (Mechnical)
12.   อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) มีกี่แบบ อะไรบ้าง
       
ตอบ   มี 2 แบบ คือ
            12.1  อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) แบบธรรมดา (Conventional)
            12.2 อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) แบบระบุตำแหน่ง (Addressable)


13.   อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) มีกี่ประเภท อะไรบ้าง
         
ตอบ  มี 3 ประเภท คือ
            13.1 ประเภทตรวจจับความร้อนเมื่ออุณหภูมิคงที่เพิ่งขึ้น (Fixed Temperature)
            13.2 ประเภทตรวจจับความร้อนเมื่อมีอัตราการเพิ่มอุณหภูมิ (Rate-of-Rise)
            13.3  ประเภทตรวจจับความร้อนเมื่ออุณหภูมิคงที่เพิ่งขึ้น กับเมื่อมีอัตราการเพิ่มอุณหภูมิ (Fixed Temperature / Rate-of-Rise) รวมอยู่ในตัวอุปกรณ์เดียวกัน


14.  อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) แบบ  Electronic ดีกว่าแบบ Mechanical อย่างไร
          ตอบ 

        อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน แบบ Electronic เมื่อตรวจจับไปแล้วสามารถทำการคืนค่าได้เอง กับยังคงตรวจจับใหม่ได้ และสามารถจะทอสอบการทำงานได้            ต่างจากอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน แบบ Mechanical ซึ่งเมื่อตรวจจับไปแล้วจะไม่สามารถทำการตรวจจับครั้งต่อไปได้อีก จะต้องเปลี่ยนตัวอุปกรณ์ใหม่ และ ไม่                  สามารถจะทดสอบการทำงาน กับตรวจเช็คว่าอุปกรณ์ยังทำงานได้หรือไม่ถ้ายังไปทดสอบการทำงานในครั้งแรก หรือครั้งที่สอง กาจจะไม่สามารถตรวจจับได้ตาม                       มาตรฐานอุปกรณ์เดิม กับถ้าทอสอบครั้งที่สามก็จะเสียไปเลย

15.  ผมซื้ออุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat) ราคาตัวละ 250 เป็นแบบอะไรครับ
        ตอบ   
        ราคา 250 บาทต่อตัว เป็นแบบ Mechanical แน่นอน เพราะถ้าเป็นแบบ
Electronic คงจะซื้อในราคาตัวละ 250 บาท ไม่ได้แน่นอน


16.   อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้  Manual Station  มีกี่แบบ อะไรบ้าง
        ตอบ    มี 2 แบบ คือ
             16.1 อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้(Manual Station)  แบบธรรมดา (Conventional)
            16.2 อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้(Manual Station)   แบบระบุตำแหน่ง (Addressable)


17.  อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้ (Manual Station)  มีกี่ชนิด อะไรบ้าง
        ตอบ  หลักๆมีอยู่ 2 ชนิด คือ
             17.1 อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้ แบบดึงคันโยกลง (Manual Pull Station)
            17.2 อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้ แบบทุบกระจกแตกแล้วกดปุ่ม (Manual Call Point)


18.  อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน (Audible Alarm Devices) มีกี่ชนิด อะไรบ้าง
        
ตอบ  มี 2 แบบ คือ
            18.1 อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน แบบธรรมดา (Conventional)
            18.2 อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน แบบระบุตำแหน่ง (Addressable)

19.  อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน (Audible Alarm Devices) มีกี่ชนิด อะไรบ้าง
         ตอบ    มีอยู่ด้วยกัน 4 ชนิดคือ
          19.1 อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน ด้วยเสียงกระดิ่ง  (bell)
          19.2 อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน ด้วยเสียงทั่วไป   (Horn)
          19.3 อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือนด้วยเสียงดังยาว (Sounder)
          19.4 อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน ด้วยแสงไฟกระพริบ (Strobe)


20.   การบำรุงรักษาระบบป้องกันอัคคีภัย (maintenance Fire Alarm System) ทำเพื่ออะไร
        ตอบ
               เพื่อให้อุปกรณ์ระบบป้องกันอัคคีภัย สามารถตรวจจับและแจ้งเตือนได้ตลอดเวลา เพราะหากไม่มีการดูแล และบำรุงรักษาระบบให้พร้อมทำงาน หาก                     เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นเมื่อใด  แล้วระบบไว้ก็ไม่มีระบบอุปกรณ์เกิดไม่ทำงานหรือไม่มีการแจ้งเตือน สิ่งที่ท่านได้ลงทุน ติดตั้งระบบไว้ก็ไม่มีประโยชน์                     และที่สำคัญคือการสูญเสียทั้งชีวิต กับทรัพย์สิน ที่ไม่อาจจะหลีกเหลียงได้จากการเกิดเหตุเพลิงไหม้ ซึ้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ไม่ว่าชนิดใดแบบ                  ใดหากได้ใช้งานระบบอุปกรณ์ไประยะหนึ่งแล้วทิ้งไว้นานๆ อาจจะมีฝุ่นไปเกาะ หรือมีแมลงต่างๆเข้าไปทำรังอยู่ในอุปกรณ์ซึ่งอาจจะไปทำให้รับ                          อุปกรณ์ทำงานผิดพลาย หรือไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ หรือเสียได้ โดยไม่คอยหมั่นแลรักษาระบบอุปกรณ์อย่างต่อเนื่อง


21.  การบำรุงรักษาระบบป้องกันอัคคีภัย (Maintetnance Fire  Alarm System) มีวิธีทำอย่างไร
         ตอบ
  21.1 ตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัย (Fire Alarm Control Panel)
  • จะทำการตรวจเช็คสภาพ(Checking) ของตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัย
  • จะทำความสะอาด (Cleaning) สำหรับ ตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัย
  • จะทอสอบการทำงาน (Testing) ของตู้ควบคุมระบบป้องกับอัคคีภัย
  การตรวจเช็คสภาพ (Checking) ของ ตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัย
  • เช็คสภาพโดยรวมทั้งภายนอกตู้ และภายในตู้ (Housing)
  • เช็คสายที่เชื่อมต่อ(Wiring)อยู่ภายในตู้
  • เช็คสภาพบอร์ดควบคุม(Control Board)และการ์ดส่วนติดต่อ (Interface Card) ต่างๆ
  • เช็คชั่วต่อ (Terminal Strip) บอร์ดควบคุม (Control Board) และการ์ด (Card) ต่างๆ
  • เช็คหม้อแปลงจ่ายไฟ (Transformer Power Supply)ภายในตู้
  • ใช้อุปกรณ์เช็คไฟทำการวัดแรงดันไฟเมน (Transformer) และแรงดันไฟจากแบตเตอรี่
  • เช็คสภาพโดยรวมของแบตเตอรี่ และตรวจขั้วแบตเตอรี่ ว่าเป็นสนิทหรือไม่
  • เช็คสภาพหน้าจอแสดงผล (LCD Display) กับแป้นควบคุม และสวิทซ์ปุ่มกด ต่างๆ
  • เช็คหลอดดวงไฟแสดงาถานะ การแจ้งเตือนต่างๆ
  • เช็คดูฟังก์ชั่น การควบคุม และการสั่งงาน ต่างๆ
การทำความสะอาด (Cleaning) สำหรับ ตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัย
  • จะเช็คปัดฝุ่นกับทำความสะอาดทั้งภายในตู้ และ ภายในตู้
  • จะเช็คปัดฝุ่นกับทำความสะอาดหน้าจอแสดงผล (LCD Display) กับแป้นควบคุม (Keypad)
  • การเช็คปัดฝุ่นกับทำความสะอาดบอร์ดควบคุม (Control Board) และการ์ด (Card) ต่างๆ
  • จะขันน็อตตรง Terminal Strip เข้าสายเชื่อมต่อให้แน่น
  • จะเช็คและจัดเรียงสายในตู้ให้ดี
 การทอสอบการทำงาน (Testing) ของตู้ควบคุมระบบป้องกับอัคคีภัย
  • จะทดสอบการทำงานของหน้าจอแสดงผล (LCD Display) กับแป้นควบคุม (Keypad)
  • จะทอสอบการทำงานของการดวงไฟสถานะ (LED Status) การแจ้งเตือนต่าง
  • จะทดสอบระบบการตรวจสอบด้วยตัวเอง(Supervisory)
  • จะทดสอบการแจ้งข้อผิดพลายของระบบ (Trouble)
  • จะทดสอบการเรียกดูเหตุการณ์ที่ผ่านมาในระบบ(History Events)
  • จะทดสอบการจ่ายไฟของแบตเตอรี่และการชาร์จไฟ (Recharge Battery) อัดเข้าไปใหม่
  • จะทดสอบระบบการส่งสัญญาณแจ้งเตือนจากอุปกรณ์จับสัญญาณ (Signal Initiating Devices)
  • จะทดสอบระบบการส่งสัญญาณไปสั่งงานอุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน (Audible Alarm Devices)
  • จะทดสอบกดสวิทซ์ ปุ่มกดหยุดเสียงแจ้งเตือน(Acknowledge) ที่ตู้ควบคุม
  • จะทดสอบกดสวิทซ์ปุ่มกดการคืนค่าระบบ (Reset) ที่ควบคุม

21.2  อุปกรณ์ตรวจจับควัน (Smoke Detector) ทุกแบบ ทุกชนิด
  • จะทำการตรวจเช็คสภาพ (Checking) ของอุปกรณ์ตรวจจับควัน
  • จะทำความสะอาด (Cleaning) สำหรับอุปกรณ์ตรวจจับควัน
  • จะทดสอบการทำงาน (Testing) อุปกรณ์ตรวจจับควัน
การตรวจเช็คสภาพ (Checking) ของอุปกรณ์ตรวจจับควัน ทุกแบบ ทุกชนิด
  • เช็คสภาพโดยรวมทั้งส่วนหัว และฐานรอง ของอุปกรณ์ตรวจจับควัน
  • เช็คสายที่เชื่อมต่อตรง ขั้วต่อ บนฐานรอง
  • เช็คหลอดดวงไฟแสดงสถานะ ที่ตรงส่วนหัว
การทำความสะอาดสำหรับอุปกรณ์ตรวจจับควัน ทุกแบบทุกชนิด
  • จะเป่าฝุ่นทั้งส่วนหัว และฐานรอง ของอุปกรณ์ตรวจจับควัน
  • จะเช็คทำความสะอาดทั้งส่วนหัวและฐานรอของอุปกรณ์ตรวจจับควัน
  • จะขันน็อตตรงTerminal Strip เข้าสายเชื่อมต่อให้แน่น
 
การทดสอบการทำงาน(Testing) ของ อุปกรณ์ตรวจจับควัน ทุกแบบ ทุกชนิด
  • จะทดสอบการทำงานของอุปกรณ์จับควัน ด้วยสเปย์ควันเทียม (Smoke Tester)
  • จะทดสอบการทำงานของดวงไฟแสดงสถานะ(LED Status) ในการแจ้งเตือน
  • จะดูการส่งสัญญาณไปแจ้งที่ตู้ควบคุมระบบ เมื่อทดสอบด้วยสเปย์ควันเทียม
  • จะดูการส่งสัญญาณไปแจ้งที่ตู้ควบคุมระบบ เมื่อทำให้เกิดข้อผิดพลายของระบบ(Trouble)
21.3  อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน (Heat Detector) ทุกแบบ ทุกชนิด
  • การทำการตรวจเช็คสภาพ (Checking) ของอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน
  • จะทำความสะอาด (Cleaning) สำหรับอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน
  • จะทดสอบการทำงาน (Testing) ของ อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน
การตรวจเช็คสภาพ (Checking) ของ อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน ทุกแบบ ทุกชนิด
  • เช็คสภาพโดยรวมทั้งส่วนหัว (Head) และฐานรอง (Base) ของ อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน
  • เช็คสายที่เชื่อมต่อ(Wiring) ตรงขั้วต่อ(Terminal Strip)บนฐานของ(Base)
  • เช็คหลอดดวงไฟแสดงสถานะ (LED Status) ที่ตรงส่วนหัว (Head)
    การทำความสะอาด (Cleaning) สำหรับ อุปกรณ์ตรวจจับความร้อน ทุกแบบ ทุกชนิด
  • จะเป่าฝุ่นทั้งส่วนหัว (Head) และฐาน (Base) ของอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน
  • จะขันน็อตตรงTerminal Strip เข้าสายเชื่อมต่อให้แน่น
การทดสอบการทำงาน Testing ของ อุปกรณ์ตรวจจับควัน ทุกแบบ ทุกชนิด
  • จะทอสอบการทำงานของอุปกรณ์ตรวจจับความร้อน ด้วยเครื่องเป่าลมร้อน(Heat Tester)
  • จะทดสอบการทำงานของดวงไฟแสดงสถานะ(LED Status) ในการแจ้งเตือน
  • จะดูการส่งสัญญาณไปแจ้งที่ตู้ควบคุมระบบ เมื่อทดสอบด้วยเครื่องเป่าลมร้อน
  • จะดูการส่งสัญญาณไปแจ้งที่ตู้ควบคุมระบบ เมื่อทำให้เกิดข้อผิดพลายของระบบ (Trouble)
21.4 อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้ (Manual Station) ทุกแบบ ทุกชนิด
  • จะทำงานตรวจเช็คสภาพ Checking) ของ อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้
  • จะทำความสะอาด (Cleaning)ของ อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้
  • จะทดสอบการทำงาน(Testing) ของอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้
               
การตรวจเช็คสภาพ(Checking) ของอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้ ทุกแบบ ทุกชนิด
  • เช็คสภาพโดยรวมของ อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้ เช่น กระจก หรือ คันโยก หรือปุ่มกด
  • เช็คสายที่เชื่อมต่อ (Wiring) ตรงขั้วต่อ(Terminal Strip) ที่ด้านหลังตัวอุปกรณ์
  • เช็คหลอดดวงไฟสถานะ (LED Status) ถ้ามีบนอุปกรณ์
การทำความสะอาด (Cleaning) สำหรับ อุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้ ทุกแบบ ทุกชนิด
  • จะเป่าฝุ่นทั้งด้านหน้า และด้านใน ของอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้
  • จะเช็คทำความสะอาดทั้งด้านใน แล้วด้านนอก ของอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้
  • จะขันน็อตตรง Terminal Strip ที่ด้านหลังอุปกรณ์ โดยเข้าสายเชื่อมต่อให้แน่น
การทดสอบการทำงาน (Testing) ของอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้ ทุกแบบ ทุกชนิด
  • จะทดสอบการทำงานของอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้ ด้วยกุญแจไขทอสอบ หรือดึงคันโยกลง
  • จะทดสอบการคืนค่า (Reset) ของอุปกรณ์แจ้งเหตุด้วยมือผู้ใช้ ด้วยกุญแจไขกลับคืนค่า
  • จะดูการส่งสัญญาณไปจ้าที่ตู้ควบคุมระบบ  เมื่อทดสอบด้วยกุญแจไข หรือดึงคันโยกลง
  • จะดูดารส่งสัญญาณไปแจ้งที่ตู้ควบคุมระบบ เมื่อทำให้เกินข้อผิดพลายของระบบ (Trouble)
21.5  อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน (Audible Alarm Devices) เช่น Bell หรือ Horn หรือ Strobe
  • จะทำการตรวจเช็คสภาพ ของอุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน
  • จะทำความสะอาด (Cleaning) สำหรับอุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน
  • จะทดสอบการทำงาน ของอุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน
การตรวจเช็คสภาพ (Checking) ของอุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน ทุกแบบ ทุกชนิด
  • เช็คสภาพโดยรวมของ อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน เช่น Bell หรือ Horn หรือ Strobe
  • เช็คสายที่เชื่อมต่อ (Wiring) ตรงขั้วต่อ (Terminal Strip )  ที่ด้านอุปกรณ์
  • เช็คความดังเสียงเตือนของอุปกรณ์ Bell หรือ Horn
  • เช็คการกระพริบไฟแฟลของอุปกรณ์ Strobe
  • เช็คความดังเสียงเตือน กับการกระพริบไฟแฟลของอุปกรณ์ Horn & Strobe
 การทำความสะอาด (Cleaning) อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน เช่น Bell หรือ Horn หรือ Strobe
  • จะเป่าฝุ่นของ อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน
  • จะเช็คทำความสะอาดของ อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน
  • จะขันน็อตตรง Terminal Strip ที่ด้านหลังอุปกรณ์ โดยเข้าสายเชื่อมต่อให้แน่น
การทดสอบการทำงาน  (Testing) อุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน เช่น Bell หรือ Horn หรือ Strobe
  • จะทดสอบการทำงานของอุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือน ด้วยการทดสอบการตรวจจับ
  • จะทดสอบหยุดเสียงแจ้งเตือน ด้วยการกดปุ่มสวิทซ์ (Acknowledge) ที่ตู้ควบคุม
  • จะทดสอบการคืนค่าระบบ ด้วยการกดปุ่มสวิทซ์ (Reset) ที่ตู้ควบคุม
  • จะดูการเกิดข้อผิดพลายของระบบ (Trouble ) จากอุปกรณ์แจ้งสัญญาณเตือนที่ตู้ควบคุม
 
22. อายุการใช้งานเฉลี่ยสูงสุดของอุปกรณ์ระบบป้องกันอัคคีภัย จะใช้งานได้นานกี่ปี
       
ตอบ

อายุการใช้งานของระบบอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะไม่แน่นอน  บางอย่างก็จะใช้งานได้นานถึง 10 ปี บางอย่างก็ไม่ถึง 3 ปี ขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย เช่น
-คุณภาพละมาตรฐานในการผลิต ของระบบอุปกรณ์นั้นๆ
-การติดตั้งอย่างถูกวิธี หรือไม่  ของระบบอุปกรณ์นั้นๆ
-การใช้งานอย่างถูกวิธี หรือไม่ ของระบบอุปกรณ์นั้นๆ

-การบำรุงรักษาระบบอย่างถูกวิธี หรือไม่ ของระบบอุปกรณ์นั้นๆ

23.ระบบป้องกันอัคคีภัยที่มีจำหน่ายในประเทศไทยมีกี่แบรนด์

ตอบ
มีจำหน่ายมากกว่า 30 แบรนด์ ทั้งหมดเป็นแบรนด์สินค้าที่มาจากต่างประเทศ เช่น
แบรนด์สินค้ามาจากยุโรป เช่น BOSCH ,Siemens,Ziton ปัจจุบัน คือ GE
แบรนด์สินค้ามาจากอเมริกา เช่น Honeywell ภายใต้แบรนด์ย่อยคือNotifier,Fire-Lite
แบรนด์สินค้ามาจากอเมริกาเดี่ยว เช่น GE,Johnson Control,Secutron,Simplex,will
แบรนด์สินค้ามาจากแคนนาดา เช่นEdwarda(EST),Mirtone แต่ 2 แบรนด์นี้ปัจจุบันคือGE
แบรนด์สินค้ามาจากญี่ปุ่น เช่นNohmi,Hochiki
แบรนด์สินค้าจากฮ่องกง เช่นHCฯลฯ
แบรนด์สินค้ามาจากไตหวัน เช่นCEMEN.CL,Chung-mei ฯลฯ
แบรนด์สินค้ามาจากจีน เช่นGST,AIPฯลฯ
แบรนด์สินค้าที่เคยจำหน่ายแต่เลิกจำหน่ายแล้ว เช่นThorn,National,Panasonic
แบรนด์สินค้าจากอเมริกา เช่นSystemSensor ที่จำหน่ายแต่อุปกรณ์ไม่จำหน่ายตู้ควบคุม
ที่แบรนด์อื่นๆนำอุปกรณ์มาจำหน่ายร่วมกับตู้ควบคุมระบบของแบรนด์นั้นๆ


24.ระบบป้องกันอัคคีภัยที่มีจำหน่ายในประเทศไทย เลือกใช้แบรนด์ไหนถึงจะดี
ตอบ

คงจะอธิบายยาวมากถ้าจะให้สรุปว่าแบรนด์ไหนดี ส่วนจะใช้แบรนด์ไหนดีต้องดุที่
-มาตรฐานอุปกรณ์ ดูว่าได้มาตรฐาน UL,EN,FM ตามข้อกำหนดของNFPAหรือไม่
-มาตรฐานระบบอุปกรณ์และประวัติความเป็นมา ของแบรนด์สินค้านั้น
-ความน่าเชื่อถือและประสบการณ์ ของ บริษัทฯตัวแทนจำหน่ายแบรนด์นั้นๆในประเทศไทย
-มาตรฐานการออกแบบวางระบบอุปกรณ์ ตามข้อกำหนดของNFPAหรือไม่
-มาตรฐานอุปกรณ์ในการติดตั้งและการติดตั้งระบบ ตามข้อกำหนดของNFPAหรือไม่
-การทดสอบระบบก่อนส่งมอบงาน ของ บริษัทฯตัวแทนจำหน่ายแบรนด์นั้นๆ ในประเทศไทย
-การบริการหลังการขาย ของ บริษัทฯตัวแทนจำหน่ายแบรนด์นั้นๆ ในประเทศไทย

-การบำรุงรักษาระบบอุปกรณ์ ทางสถานที่ติดตั้งตามกำหนดเวลาหรือไม่

25.หารติดตั้ง ระบบป้องกันอัคคีภัย สามารถนำไปหักลดเบี้ยประกันอัคคีภัยได้หรือไม่

ตอบ   ได้ครับ หรือ ติดต่อสอบถามกับตัวแทนบริษัทฯประกันๆได้

26.ทำประกันอัคคีภัยกับบริษัทประกัน แล้วไม่ต้องติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยได้หรือไม่
ตอบ         
ขึ้นอยู่กับสถานที่ติดตั้งครับว่าอยู่ในข้อกำหนดของกฎหมายควบคุมอาคารหรือไม่ ถ้าอาคารนั้นๆอยู่ในข้อกำหนดยังไงก็ต้องติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย แต่ถ้าไม่ได้อยู่ในข้อกำหนดก็ไม่ต้องติดตั้งครับส่วนความคิดตัวผมเอง ถ้าต้องเลือกระหว่างทำประกันอัคคีภัย กับติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย ผมเลือกที่จะติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย เพราะเป็นการป้องกันหรือลดความสูญเสียจากเหตุเพลิงไหม้ ต่างกับการทำประกันอัคคีภัย ซึ่งนั้นหมายถึงว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้กับสถานที่เราไปแล้ว ถึงไม่ได้เงินทดแทนตามวงเงินที่ทำประกันไว้ แต่หากร้ายกว่านั้นเกิดมีคนเสียชีวิตจากการเกิดเหตุเพลิงไหม้ หรือวงเงินที่ได้จากประกันไม่พอที่จะทดแทนทรัพย์ที่สูญเสียไปก็คงไม่ได้ช่วยอะไรให้ดีไปกว่านี้แน่นอน ผมจึงเลือกที่จะป้องกันมากกว่าเสี่ยงดวง

27.ติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยแล้วเสีย หากบริษัทฯที่ติดตั้งไม่ได้แล้วทำอย่างไร
ตอบ
 
ก็ต้องดูว่าท่านติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย แบรนด์อะไร รุ่นอะไร แล้วเสริท์หาข้อมูลของแบรนด์นั้นๆใน Google หากพบบริษัทที่จำหน่ายก็ติดต่อสอบถามกับเขาว่าทางเขาสามารถเข้ามาดูและแก้ไขให้ทางท่านได้หรือไม่ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เท่าไหร่

28.ติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยและตู้ควบคุมเสียบ่อยมาก บริษัทที่ติดตั้งก็แก้ไม่ได้ทำอย่างไร
ตอบ

ก็ต้องดูว่าท่านติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย แบรนด์อะไร รุ่นอะไร แล้วเสริท์หาข้อมูลของแบรนด์นั้นๆใน Google หากพบบริษัทที่จำหน่ายก็ติดต่อสอบถามกับเขาว่าทางเขาสามารถเข้ามาดูและแก้ไขให้ทางท่านได้หรือไม่ มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เท่าไหร่
-หากพึ่งติดตั้งระบบใหม่ๆแล้วเสียบ่อยๆ อาจจะเป็นที่การติดตั้งที่ไม่ถูกต้อง
-หากพึ่งติดตั้งระบบมาปีกว่าๆแล้วเกิดเสีย อาจจะเป็นที่ระบบจ่ายไฟ กับคุณภาพอุปกรณ์ไม่ดี
-หากติดตั้งระบบมานานแล้วช่วงหลังเสียบ่อยๆ อาจเป็นที่การเสื่อมสภาพของอุปกรณ์


29.ตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัยเสียบ่อยมาก จะเสียเงินซ่อมหรือซื้อเปลี่ยนใหม่ดีกว่า
ตอบ
ต้องดูอาการที่เสียก่อนว่าเกิดจากอะไร ถ้าเช็คแล้วซ่อมไปก็อาจเสียอีกได้หรือซ่อมแล้วอาทิตย์ หรือ 2 อาทิตย์เสียอีกในอาการเดิมๆ ก็ควรจะซื้อตู้ควบคุมเปลี่ยนใหม่จะดีกว่าเพราะหากตู้ควบคุมเกิดเสียแล้วเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้น ระบบตรวจจับและแจ้งเตือนไม่ได้ ความเสียหายและความสูญเสีย อาจจะมีมากกว่าค่าใช้จ่ายในการเปลี่ยนตู้ควบคุมใหม่ ซึ่งทำให้ระบบมีความเสถียรพร้อมป้องกันและแจ้งเตือนเหตุคดความเสียหายให้เราได้

30.การออกแบบอุปกรณ์ระบบป้องกันอัคคีภัยที่ดี ต้องคำนึงถึงอะไร
ตอบ

การออกแบบวางระบบ(Design)
30.1  ต้องออกแบบตามมาตรฐานและข้อกำหนดของNFPAกับ ว.ส.ท.
30.2   ต้องคำนึงถึงพื้นที่ของการติดตั้งว่าควรใช้อุปกรณ์ชนิดไหนจึงจะเหมาะสม
30.3   ต้องคำนึงถึงประเภทของวัสดุหรือสินค้าของพื้นที่ที่จะติดตั้ง
30.4   ต้องกำหนดชนิดและจำนวนของตู้ควบคุม กับอุปกรณ์ตรวจจับ และอุปกรณ์แจ้งเตือน
30.5   ต้องกำหนดชนิดและจำนวนของ ท่อ กับ สายนำสัญญาณ ที่ใช้ในการติดตั้งระบบ
30.6   ต้องออกแบบระบบให้ครบคลุมพื้นที่ในการป้องกันให้มากที่สุด
30.7   ต้องคำนึงถึงงบประมาณของอุปกรณ์กับค่าติดตั้งให้เหมาะสมกับพื้นที่
30.8   ต้องออกแบบระบบให้ประหยัด แต่ต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
30.9   ต้องอธิบายสรุปแบบในการวางระบบอุปกรณ์ให้กับลูกค้า
30.10  การออกแบวางระบบ ต้องมีความรับผิดชอบต่อสังคมและความซื้อสัตย์ในอาชีพ


31.การติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยที่ดี ต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง
ตอบ
การติดตั้งระบบ(Installation)
31.1  ทีมช่างที่ติดตั้ง ต้องมีประสบการณ์ และความชำนาญในการติดตั้งระบบ
31.2  อุปกรณ์ในการติดตั้ง เช่น ท่อและสายนำสัญญาณ ต้องใช้ตามที่สรุปกับทางลูกค้า
31.3   ทีมช่างที่ติดตั้ง ต้องมีมารยาทในการติดต่อประสานงานกับลูกค้า
31.4  ทีมช่างที่ติตั้ง ต้องมีความซื่อสัตย์ในการทำงาน
31.5  ทีมช่างติดตั้ง ต้องมีเครื่องมือพร้อมใช้ในการติดตั้งและต้องมีมาตรฐาน
31.6  ทีมช่างติดตั้ง ต้องมีความระมัดระวังในการติดตั้ง กับต้องรักษาความสะอาด
31.7  ต้องมีวิศวกรหรือช่างเทคนิค ตรวจสอบการเดินท่อและสายของทีมช่างที่ติดตั้ง
31.8  ต้องมีวิศวกรหรือช่างเทคนิค เช็คทดสอบสายกับทีมช่างที่ติดตั้ง ก่อนติดอุปกรณ์
31.9  ต้องมีวิศวกรหรือช่างเทคนิค ตรวจสอบการติดตั้งอุปกรณ์จากทีมช่างติดตั้ง
31.10  Commissioning1 ต้องมีวิศวกรหรือช่างเทคนิค คอยโปรแกรมตู้ควบคุมและทดสอบระบบ
31.11  Testing ต้องมีวิศวกรหรือช่างเทคนิค คอยทดสอบการทำงานของระบบอุปกรณ์ทั้งหมด
31.12  Training ต้องมีวิศวกรหรือช่างเทคนิค สอนการใช้งานระบบอุปกรณ์ให้กับทางลูกค้า
31.13   ต้องทำรายงานการติดตั้งและแนบแบบการติดตั้งสรุปส่งให้กับลูกค้า


32.กฎและมาตรฐานขงการติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัย(Fire Alarm)มีอะไรบ้าง
ตอบ

การออกแบบก่อสร้างและติดตั้ง รวมทั้งวัสดุและอุปกรณ์  ของ ระบบแจ้งเหตุเพลิงไหม้จะต้องเป็นไปตามมาตรฐาน และข้อกำหนด ซึ่งกำหนดขึ้นโดยหน่วยงาน หรือสถาบัน  ดังต่อไปนี้
-การไฟฟ้านครหลวง/ภูมิภาค (กฟน./กฟภ.)
-สำนักงานมาตรฐานผลิตอุตสาหกรรม(สมอ.)
-สมาคมวิศวกรรมสถานแห่งประแห่งประเทศไทย(วสท.)
-กฎกระทรวงมหาดไทย
-พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 และ พ.ศ.2535
-พระราชบัญญัติการส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535
-The National Electrical(NEC)
-International Electro-Technical Commission(IEC)        
-American National Standards Institute (ANSI)
-Underwriter’s Laboratories Inc.(UL)
-National Electrical Manufacturers Association (NEMA)
- National Fire Protection  Association (NFPA)
-มาตรฐานอื่นๆ ซึ่งเป็นมาตรฐานของประเทศผู้ผลิตวัสดุ หรืออุปกรณ์เฉพาะอย่างนั้นๆ
-การติดต่ออุปกรณ์ทั้งหมด จะต้องเป็นไปตามข้อกำหนดหรือตามคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต


 33.การปรับปรุงระบบ(Renovate)ทำเพื่ออะไร
    ตอบ

การปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัย เพื่อให้ระบบพร้อมทำงาน กับได้ประโยชน์สูงสุดในการใช้งาน กับลดความสูญเสียจากเหตุเพลิงไหม้ และยังประหยัดงบประมาณในการซ่อมบำรุง เพื่อให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน เช่น
-การปรับปรุงตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัย ที่มีอาการปัญหาเสียบ่อยๆ จากหลายๆสาเหตุ
-การปรับปรุงตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัย ที่มีปัญหาเสีย ทำการเปลี่ยนอะไหล่แล้วก็ไม่หาย
-การปรับปรุงตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัย ที่ทีปัญหาอาการเสีย จากอายุใช้งานมานาน
-การปรับปรุงตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัย แทนระบบตู้ควบคุมเดิม เพื่อให้ควบคุมระบบได้ดีขึ้น
-การปรับปรุงอุปกรณ์ตรวจจับระบบป้องกันอัคคีภัย ที่มีปัญหาเสียจากอายุการใช้งานมานาน
-การปรับปรุงอุปกรณ์แจ้งเตือนระบบป้องกันอัคคีภัย ที่มีปัญหาเสียจากอายุการใช้งานมานาน
-การปรับปรุงสายสัญญาณระบบป้องกันอัคคีภัย ที่มีปัญหาเสื่อมสภาพจากอายุการใช้งานมานาน
-การปรับปรุงระบบป้องกันอัคคีภัยใหม่ทั้งหมด เพื่อให้ระบบมีประสิทธิภาพในการป้องกัน


34.ระบบป้องกันอัคคีภัย ของแบรนด์ราคาถูก กับแบรนด์ราคาแพง ต่างกันอย่างไร
ตอบ

ถ้าเปรียบเทียบจากคุณสมบัติแต่ละอุปกรณ์ และจำนวนอุปกรณ์ที่เทียบเท่ากันในแบบแบนรด์ราคาแพง จะดีกว่าทั้งมาตรฐานระบบอุปกรณ์ กับทั้งฟังก์ชั่นการทำงานของระบบและความเสถียรของระบบอุปกรณ์ กังฟังก์ชั่นการทำงานของระบบและความเสถียรของระบบอุปกรณ์ ส่วนอายุการใช้งานขึ้นอยู่กับหลายๆปัจจัย ซึ่งการตอบแบบนี้อาจจะไม่เป็นธรรมกับแบรนด์ราคาถูก แต่ตอบจากประสบการณ์ที่ผ่านมา

35.ระบบป้องกันอัคคีภัยของแบรนด์ดังๆ ต่างๆทำไมถึงมีราคาแพง
ตอบ

ทุกๆแบรนด์ที่จำหน่ายในประเทศไทย เป็นสินค้าที่นำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งหมด โดยที่ไม่มีแบรนด์ที่คนไทยคิด หรือลิตมาจำหน่ายเลยเมื่อแต่แบรนด์เดียว ทำให้ไม่สามารถจะจำหน่ายในราคาที่ถูกได้ แม้แต่สินค้าเกรดจีนก็ใช่ว่าจะราคาถูกจริงๆ

36.องค์ประกอบที่สำคัญที่สุดของแบรนด์ ระบบป้องกันอัคคีภัย คืออะไร
ตอบ

มาตรฐานของระบบอุปกรณ์ กับการติดตั้งตามมาตรฐาน และการบำรุงรักษาระบบอย่างสม่ำเสมอ

37.ปัญหาอาการเสียส่วนใหญ่ของระบบป้องกันอัคคีภัย คืออะไร

ตอบ
37.1  การออกแบบวางระบบอุปกรณ์ที่ไม่ถูกต้อง และไม่คำนึงถึงมาตรฐาน
37.2  การคำนวณแหล่งจ่ายไฟเลี้ยงระบบที่ไม่ถูกต้อง และไม่คำนึงถึงมาตรฐาน
37.3  การติดตั้งที่ไม่ถูกวิธีทั้ง การเดินสายนำสัญญาณและระบบอุปกรณ์
37.4  ไม่มีคนดูแล และไม่ทำการบำรุงรักษาระบบให้สม่ำเสมอ
37.5  การเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งานของระบบอุปกรณ์ แต่ละแบรนด์ต่างกัน
37.6  ระบบไฟฟ้าของทางสถานีที่ติดตั้งไม่มีความเสถียร
37.7  เลือกใช้ระบบอุปกรณ์ที่ไม่ได้มาตรฐาน และมีคุณภาพต่ำ


38.ให้ช่างไฟทั่วไปเดินสายและซื้ออุปกรณ์ระบบป้องกันอัคคีภัย มาติดตั้งดีไหม
ตอบ

38.1  ต้องดูว่าเขาติดตั้งเดินสายนำสัญญาณถูกต้องตามมาตรฐานได้หรือไม่
38.2  ต้องดูว่าเขาติดตั้งอุปกรณ์ระบบป้องกันอัคคีภัยตามมาตรฐานได้หรือไม่
38.3  ต้องดูว่าเขาติดตั้งโปรแกรมตู้ควบคุมระบบป้องกันอัคคีภัยให้ได้หรือไม่
38.4  ต้องดูว่าเขาสอนการใช้งานอุปกรณ์ระบบป้องกันอัคคีภัยให้ได้หรือไม่
38.5  ต้องดูว่าเขาให้บริการระบบป้องกันอัคคีภัยหลังติดตั้งไปแล้วได้หรือไม่
38.6  ต้องดูว่าเขาวิเคราะห์ปัญหาหากเกิดอาการเสียของระบบให้ได้หรือไม่
38.7  ต้องดูว่าเขาซ่อมหรือหาอะไหล่ระบบป้องกันอัคคีภัยเปลี่ยนให้ได้หรือไม่
38.8 ต้องแน่ใจด้วยตัวคุณเองว่าเขาขายและติดตั้งให้แล้ว จะไม่ทอดทิ้งคุณ


39.ถ้าซื้อแต่อุปกรณ์ระบบป้องกันอัคคีภัย แล้วจ้างช่างอื่นๆเดินท่อ-เดินสายให้ได้หรือไม่
ตอบ

ทำได้ครับ แต่ต้องให้บริษัทฯที่ท่านซื้ออุปกรณ์ระบบป้องกันอัคคีภัย เป็นผู้สอนการติดตั้งให้กับช่างที่ทางท่านจ้างเดินท่อ-เดินสาย แล้วให้บริษัทนี้เป็นผู้ตรวจสอบการติดตั้งเดินท่อ-เดินสายของช่างท่าน ส่วนการติดตั้งตู้ควบคุมระบบกับโปรแกรมระบบละสนการใช้ระบบให้บริษัทนี้เป็นทำให้ครับ จะลดปัญหาการทำงานและใช้งานของระบบได้ดีกว่า

40.อุปกรณ์ตรวจจับควัน Smoke ของระบบป้องกันอัคคีภัย สามารถจับควันบุหรี่ได้หรือไม่
ตอบ

ต้องดูสถานที่กับตำแหน่งในการติดตั้งครับ โดยปกติแล้วควันบุหรี่1ม้วนถ้าไม่ได้ไปพ่นใส่ในห้องดักจับควันบนตัวอุปกรณ์ อุปกรณ์ตรวจจับควันก็ไม่สามารถจะตรวจจับได้ทันที เพราะควันบุหรี่ 1ม้วน จะมีความหนาแน่นและมีความเบาบางของควันน้องกว่า ครัวของเหตุเพลิงไม้ปกติมาก

41.อุปกรณ์ระบบป้องกันอัคคีภัยสามารถหาที่ซ่อมได้ที่ไหนบ้าง
ตอบ

ส่งซ่อมกับทางบริษัทฯที่ซื้อมา หรือหากบริษัทฯที่ซื้อมาไม่มีแล้วก็ลองหาบริษัทฯที่ขายแบรนด์อุปกรณ์ใหม่มากกว่าจะซ่อม เพราะถึงมีคนซ่อมได้ก็คงไม่มีอะไหล่ที่จะนำมาซ่อมอุปกรณ์





 
คลังความรู้
- ถาม-ตอบ ระบบป้องกันอัคคีภัย (Fire Alarm) [18 เมษายน 2561 16:17 น.]
ดูทั้งหมด

Copyright by thanawatinter.com

THANAWAT INTER SUPPLY.CO.,LTD
200/16-17 M.5 Bangraknoi, Muangnonthaburi, Nonthaburi 11000 THAILAND
Tel : 02-156-7931-3 Fax : 02-156-7930
Engine by MAKEWEBEASY